บันทึกฝึกงาน KBTG Internship 2019 ในทีม K Plus

ช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นปี 4 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ KBTG Internship Bootcamp 2019 เป็นเวลาสองเดือน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของชีวิตที่น่าจดจำ ก็ขอบันทึกเรื่องราวการฝึกงานครั้งนี้ไว้ที่นี่

เรารู้จักโครงการนี้ตอนปีสองเพราะมีป้ายมาติดที่คณะ แต่ในปีนั้นยังอยากพัฒนาตัวเองมากกว่านี้ก่อน จึงไม่ได้สมัครไป แต่ก็ได้อ่านบล๊อกของพี่ Chayanon ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร ทำอะไรกันบ้าง และมีประโยคหนึ่งที่ว่า คงเสียดายถ้าไม่ได้สมัคร ประโยคนี้ทำให้เราคิดแบบเดียวกัน จึงตั้งใจว่าจะสมัครแน่นอน อย่างไรก็ลองสมัครไปก่อน

เป้าหมายการฝึกงานของเราครั้งนี้ก็คงเหมือนกับอีกหลายคน ว่าอยากจะมาทดสอบทักษะตัวเองว่าความรู้ที่เรามี สามารถใช้ได้ในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงหรือไม่ อยากจะมาเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม สิ่งที่มีการใช้งานจริงในงานโปรดักชัน การจัดการโค้ดเบสขนาดใหญ่ งานสเกลนี้เขามีกระบวนการวิศวกรรมอย่างไรกว่าจะถึงมือผู้ใช้ และก็เพื่อออกมาทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆ ด้วย

สมัคร

KBTG Internship Bootcamp เป็นโครงการที่เปิดให้นักศึกษาเข้ามาฝึกงานกับ KBTG เป็นเวลาสองเดือน แบ่งเป็น Developer Bootcamp, Machine Learning Bootcamp และ Data Engineer Bootcamp ซึ่งเราเองสมัครเข้ามาใน Developer Bootcamp

กลางเดือนมกราคม ปุ่ม ‘Submit’ ในหน้าฟอร์มสมัครก็ถูกกดส่งไปพร้อมกับทรานสคริปต์ที่เราก็หวั่นๆ อยู่ เวลาผ่านไปเดือนกว่าก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ ขณะที่คนอื่นทยอยได้กันก่อนแล้ว ตอนนั้นเลยคิดว่าสงสัยจะไม่ได้แน่แล้ว แต่ในที่สุดก็มีโทรศัพท์และอีเมลมาแจ้งวันสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นอีกสองวันถัดไป

เราจัดการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ที่จะมีขึ้นเวลา 9.20 น. วันสัมภาษณ์ก็ไปถึงก่อนเวลาเป็นชั่วโมง โชคดีที่วันนั้นรถไม่ติดและมีรถตู้จอดรออยู่ พอใกล้เวลาจึงขึ้นไปยังชั้นที่นัดและนั่งรอครู่หนึ่ง การสัมภาษณ์ใช้เวลาราว 10 นาทีเห็นจะได้ มีทั้งเรื่องเทคนิค ประสบการณ์ และคำถามสามัญ

หนึ่งสัปดาห์ถัดมาเราก็ได้ยินคำว่า “ยินดีด้วย” จากปลายสาย ความดีใจอย่างสูงถูกถ่ายทอดไปได้แค่คำว่า “อ้อ.. ครับผม” หลังจากชะงักเล็กน้อย พลันกลัวว่าปลายสายจะคิดว่าไม่ตื่นเต้น

วันแรก

4 มิถุนายน 2562 การฝึกงานครั้งแรกในชีวิตเริ่มต้นที่ชั้น 11 อาคาร KBTG (ไปสาย 10 นาทีเพราะลืมเผื่อเวลารอรถตู้ที่นานมาก เลยโบกแท็กซี่แต่ก็ไม่วายเจอรถติด) วันแรกนี้ก็เป็นกิจกรรมทำความรู้จักกันตามระเบียบ ในคณะเรามีกัน 7 คน และมีเด็กลาดกระบังอีกจำนวนหนึ่ง

หลังจากกิจกรรมช่วงเช้าผ่านไปก็ได้เวลาพักเที่ยง ก่อนจะแยกย้ายกันไปในทีมของตัวเอง ซึ่งในทีม K Plus ของเราเป็นความบังเอิญอย่างมากที่เราทั้ง 5 คนมาจากลาดกระบังหมดเลย: เจน วิศวะคอมฯ (ผู้จำโซน C เป็นเกกีอยู่บ่อยๆ), อีฟ วิศวะไอที (เอกการละคร), ไทเกอร์ วิศวะอินเตอร์ (ป๋าที่เก็บวันที่เป็นสตริง), ซูม (ครูสอนแต่งหน้า) และเรา จากไอที

ถึงจะอยู่ใน K Plus เหมือนกัน แต่เราก็แยกเป็นทีมย่อย อีฟ แอนดรอยด์, ไทเกอร์ iOS, ซูม แบ็คเอนด์ ส่วนเจนกับเราอยู่ฟรอนท์เอนด์

เพิ่งจะถ่ายรูปวันรองสุดท้าย

ในทีมฟรอนท์เอนด์มี พี่ต๊ะ พี่เอนิว พี่ปู (สัมภาษณ์กับพี่ปู) พี่กิ๊ก และพี่ฝน (เรียงตามรูปบน ไม่รวมเรากับเจน) ขออธิบายคร่าวๆ ก่อน บางคนเห็นชื่อแล้วอาจจะนึกว่าทีมฟรอนท์เอนด์ทำแค่เกี่ยวกับเว็บ แต่จริงๆ แล้ว (ตามที่จำได้จากวันแรก) ฟรอนท์เอนด์ของเราคือการเป็นด่านหน้ารับรีเควสท์จากไคลเอนต์ก่อนจะส่งไปยังแบ็คเอนด์ แต่ก็ยังมีงานอื่นอีก ส่วนใหญ่จะเป็นภาษา Go ซึ่งทยอยย้ายมาจาก Java

ตอนเย็นก็แจกคอมพิวเตอร์และอีเมลบริษัท แล็ปท็อปที่เราได้เป็น ThinkPad X280 พร้อม Windows 10 ที่มีมาตรการแน่นหนา เปลี่ยนภาพพื้นหลังไม่ได้ เข้า Unsplash ไม่ได้ แต่เข้าเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้… ส่วนใครที่ทำฝั่ง iOS จะได้ MacBook Pro

การฝึกงาน

การทำงานที่นี่เข้างาน 8.30 น. ถึง 17.30 น. สัปดาห์แรกก็มีงานให้ลองสร้างเว็บด้วย React และเชื่อมต่อกับ API ที่เป็น Java (Spring) เพื่อทำโอเปอเรชัน CRUD ดูก่อน โดยส่วนตัวเพิ่งเคยเขียน React แค่ครั้งเดียว (จากงานในเทอมที่แล้ว 😂) และยังไม่เคยใช้ SpringBoot เลย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี มีพี่ๆ ช่วยดูโค้ด

ทีมเราจะมี Daily Scrum กันเมื่อทุกคนมาถึงครบ แต่ Daily Scrum ของทีมเราจะต่างจากปกติเล็กน้อย ตรงที่ต้องบอกระดับพลังงาน (เต็มสิบ) ของตัวเองในวันนั้นด้วย 🔥

เมื่องานแรกจบเราก็ได้งานจริงให้ทำ เป็นเว็บไซต์ภายในสำหรับจัดการแอปพลิเคชัน K Plus อธิบายง่ายๆ ว่าเวลาจะจัดการเนื้อหาในแอป K Plus เช่น จัดการโฆษณา จัดการธีม จะกระทำผ่านเว็บนี้

งานที่เราทำเป็นเว็บ React + TypeScript ทั้งโค้ดทั้งออกแบบหน้าตาเลย แล้วก็ยังได้ลองเขียนโปรเจ็กต์ Go ครั้งแรกด้วย ใช้เวลาเรียนอยู่หน่อยแล้วก็เริ่มเขียนเป็น REST API ขึ้นมาได้ ท้าทายดีกับการลองเขียนภาษาใหม่ ซึ่งก็ต้องเรียนรู้การจัดโครงสร้างเพิ่มเติมของภาษาใหม่นี้ด้วย ที่ต่างไปจากภาษาอื่นที่เคยเขียนมา ทีแรกก็มึนเหมือนกันแต่ก็ได้คำแนะนำจากคุณอีฟว่าหยุดยาวก็ไปฝึกที่บ้านให้เต็มที่เลย แล้วอาทิตย์หน้ามาก็จะได้พร้อม และมันก็ได้ผลจริงๆ

ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่มาแนะนำ อธิบาย ตอบคำถามตลอด ทำให้เข้าใจโค้ดที่พี่ๆ เขียน และการทำงานของภาษาและระบบต่างๆ ที่ใช้งานกัน รวมไปถึงเจนด้วยที่มีความกระตือรือร้นในการถามมาก ทำให้เราได้ความรู้เพิ่มไปในตัว และเวลามีอะไรที่เราไม่เข้าใจ เจนก็อธิบายได้ รวมทั้งเป็นคนที่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาพอตัวเลย

วัฒนธรรม

ในส่วนของทีม K Plus ที่เราทำ แต่ละทีมย่อยอย่างเช่นที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ก็นั่งรวมกันอยู่ในห้องปูนเปลือย (ไม่เชิงว่าเป็นห้อง) เดียวกัน ทำให้รายงานอะไรตรงถึงกันได้เลย

บรรยากาศการทำงานสบายๆ เฮฮาดี ตลอดการฝึกงานพี่ๆ ซื้อขนมมาแบ่งกันเยอะมาก มีหนังสือจากบ้านมาตั้งไว้ให้อ่านเล่นกันด้วย ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ และมีบอร์ดเกมด้วย

ทุกบ่ายวันศุกร์จะมีงาน Tech Meet-up เป็นการให้ใครก็ตามที่มีเรื่องมีราวอยากจะแบ่งปัน มาพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ใครที่สนใจก็มานั่งฟังกันได้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นนั้น ถือเป็นงานที่ให้บุคลากรร่วมกันพัฒนาตัวเอง หัวข้อที่เคยมีก็เช่น Database in KBTG, Software Engineering Best Practices at Google, React vs Angular เป็นต้น

สถานที่

อาคาร KBTG ตั้งอยู่ในอิมแพ็ค เมืองทองธานี เราทำงานอยู่บนชั้น 11 ซึ่งหลายคนอาจจะได้เห็นภาพตามสื่อกันมาบ้างแล้ว ตรงกลางเป็น K Stadium สำหรับการบรรยายต่างๆ ด้านหลังเป็นคาเฟ่ขนาดสองชั้น อยากจะเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปนั่งตรงคาเฟ่ก็ได้ ห้องทำงานที่เป็นกล่องคอนเทนเนอร์จะเป็นของทีมอย่างเช่น บล็อกเชน ดีไซน์ แมชชีนเลอร์นนิ่ง ส่วนของเราเป็นที่นั่งรวมกัน เป็นห้องเปิด

“พฤกษ์พรหม” คือศูนย์อาหารของอาคารที่เราไปฝากท้องยามมื้อกลางวันกันบ่อยๆ มีป้ายราคากลางตั้งไว้ชัดเจน ร้านอาหารมีอยู่เจ็ดร้าน ทั้งก๋วยเตี่ยว ข้าวแกง อาหารตามสั่ง และอาหารนานาชาติ แน่นอนว่าการชำระเงินทำผ่าน QR โค้ด (พร้อมเพย์) ราคาอาหารเฉลี่ยน่าจะเป็นช่วง 35–60

ที่พฤกษ์พรหมมีสิ่งหนึ่งที่เราชอบมาก คือสายพานเก็บอาหาร เมื่อทานเสร็จแล้วเราก็เอาถาดไปวางไว้บนสายพาน ที่จะเลื่อนเข้าไปให้เจ้าหน้าที่จัดการ

รายรอบอาคาร KBTG มีร้านค้าหลากหลาย มีร้านพิซซ่า ร้านกะเพราถาด ร้านชานมไข่มุก แฟมิลีมาร์ทสองสาขาและเซเว่นอีกสาม ข้างหลังตึกยังมี Cosmo Bazaar ที่มีฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่และร้านเชนอีกหลายร้าน ร้านที่เราไปกินบ่อยคือ Ramenga ในแม็กซ์แวลู

โปรเจ็กต์

ในโครงการ Internship Bootcamp นี้ นักศึกษาแต่ละทีมจะต้องมีการนำเสนอโปรเจ็กต์ในวันสุดท้ายของการฝึกงานด้วย จะเป็นอะไรก็ได้

นั่งคิดโปรเจ็กต์กันที่คาเฟ่

เมื่อเข้าสู่การฝึกงานเดือนที่สอง ทีม K Plus เราก็ระดมความคิดกันว่าจะทำโปรเจ็กต์อะไร เราช่วยกันคิดว่าอยากให้ K Plus มีฟีเจอร์อะไรบ้างที่แก้ปัญหาอะไรสักอย่างได้ เรานำไอเดียไปพรีเซนต์ให้พี่ๆ ในทีมดูเพื่อรับข้อเสนอแนะ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆ อย่างมากที่เข้ามาร่วมกันฟังอย่างอบอุ่น และคอยคอมเมนต์งานเรากันอย่างจริงจัง เวลาไปขอความคิดเห็นก็ได้รับความช่วยเหลือ เวลาเชิญมาดูเราซ้อมย่อย พี่ๆ ก็มา ขอบคุณอีกทีครับ

สุดท้ายการระดมความคิดของพวกเราก็เกิดเป็น…… แอปพลิเคชัน K Plus Kids! แอปพลิเคชันการธนาคารสำหรับเด็ก ที่จะทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์และไลฟ์สไตล์ ‘cashless’ เป็นเรื่องง่ายสำหรับเยาวชน ควบคู่ไปกับการดูแลจากผู้ปกครองผ่านฟีเจอร์ Parental Care

ฟีเจอร์หนึ่งในแอปที่เป็นจุดเด่นก็คือกระปุกหมู ที่ให้น้องๆ สร้างกระปุกขึ้นมาเพื่อตั้งเป้าหมายในการเก็บเงิน แล้วหยอดเงินให้ถึงเป้า เพื่อสร้างวินัยทางการออม

เรื่องสนุกอย่างหนึ่งก็คือการเก็บความลับไม่ให้ทีมอื่นรู้ว่าเราทำโปรเจ็กต์อะไร 😂 ตอนซ้อมบนเวทีใหญ่เราถึงกับเปลี่ยนชื่อเป็น K Plus Cats และทำสไลด์ปลอมขึ้นไปเปิดด้วย

ได้รางวัล Popular Vote ด้วยนะ — ภาพฟรุ้งฟริ้งจากมือถือซูม

ส่งท้าย

เชื่อว่าการฝึกงานถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักศึกษาทุกคนที่จะได้ลองผิดลองถูกกับสภาพแวดล้อมการทำงานจริง ใบสมัครในวันนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก ถ้าไม่ได้ยื่นใบสมัครมาก็คงรู้สึกเสียดายแน่

ถ่ายภาพกับทีมไคลเอนต์

เวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกตั้งแต่วันสัมภาษณ์ วันที่มาทำงานวันแรกและแกะกล่องคอมพิวเตอร์ จัดโต๊ะ ยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำจนถึงวันสุดท้ายที่ต้องเซ็นเอกสารคืนอุปกรณ์

การฝึกงานที่นี่ความจริงแล้วเหมือนกับชื่อโครงการเลย ว่าเป็น “bootcamp” เพราะเราทั้งได้เรียนและได้ทำงาน เป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกจริงๆ ขอบคุณพี่ๆ ที่จัดการวางแผนโครงการนี้ แทรกกิจกรรมต่างๆ เข้ามาและดำเนินโครงการอย่างราบรื่น ให้โครงการนี้สมเป็น bootcamp ที่น่าจดจำจริงๆ

ใครอยู่ K Stadium จับมาถ่ายหมด

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ๆ ที่ให้โอกาสน้องได้เข้ามาฝึกงานที่ KBTG แห่งนี้และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว K Plus ขอบคุณพี่ๆ ที่สอนและแนะนำเรื่องทางเทคนิค รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ขอบคุณที่แบ่งเวลางานมาสอนน้องๆ ขอบคุณที่ดูแลน้องๆ อย่างดีและให้ความรู้สึกอบอุ่นตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก

ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ ทุกคนเลย (ทั้งที่ไม่ได้กล่าวถึงด้วย) ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานกันมาตลอด ขอบคุณที่แบ่งปันแนวคิดกัน ขอบคุณในความเป็นมิตรที่ทำให้เราได้พูดคุยและช่วยเหลือกัน เชื่อว่าด้วยความสามารถของแต่ละคนแล้ว ทุกคนจะได้ก้าวหน้าและเติบโตในสายงานที่ตัวเองเลือกต่อไป

ประทับใจและมีความสุขมากที่ได้เจอทุกคนครับ

ใครไม่คิด… K Plus Kids! แล้วเจอกันใหม่ครับ

📮 Have new posts emailed to you


Posted in

by

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.